สังคมที่เลี้ยงลูกด้วยโทรศัพท์มือถือ
ในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีมีความก้าวหน้า
โทรศัพท์มือถือถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งของทุกคนไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็กหรือผู้ใหญ่หรือแม้แต่คนในวัยชรา ต่างก็ใช้งานโทรศัพท์มือถือกันเป็นทั้งนั้น หลายครั้งที่เรามักจะเห็น พ่อแม่ ส่วนใหญ่มักปล่อยให้ลูกตัวเล็กเล็กของตัวเองใช้งานโทรศัพท์มือถือ โดยปล่อยให้ลูกนำมือถือมากดเล่นเอง หรือบางคนนำมือถือมาเปิดให้ลูกดูการ์ตูนใน youtube เพราะพ่อกับแม่ต่างก็ไม่มีเวลาในการที่จะดูแลและคอยเล่นกับลูก
เพราะต่างคนต่างก็ต้องทำงาน ดังนั้น เมื่อต้องปล่อยให้เด็กเล่นเพียงลำพังแล้วไม่ให้เกิดการงอแง พ่อแม่ส่วนใหญ่จึงทำได้เพียงโยนโทรศัพท์มือถือให้ลูกกดเล่นและกว่าจะรู้ตัวอีกที่ เด็กก็ติดโทรศัพท์มือถือไปเสียแล้ว พอพ่อแม่จะให้เลิกเล่นทีนี้เด็กก็หยุดเล่นไม่ได้แล้วเพราะชินกับการที่จะต้องดูการ์ตูนผ่านมือถือ หรือเด็กบางคนก็เล่นเกมผ่านมือถือ กลายเป็นว่าลูกกลายเป็นเด็กติดมือถือก่อนที่จะพูดได้รู้เรื่องเสียอีก
ซึ่งสิ่งที่พ่อแม่ในยุคปัจจุบันกำลังเลี้ยงลูกด้วยโทรศัพท์มือถือนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง มีการประชาสัมพันธ์หรือรณรงค์เรื่องนี้กันมาตลอดแต่ ในความเป็นจริงแล้วมันแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ค่อนข้างยากมาก เพราะพ่อ แม่ส่วนใหญ่ต่างก็ต้องช่วยกันทำงานไม่มีเวลามากพอที่มาเล่นเป็นเพื่อนลูก
ดังนั้น พ่อแม่จึงจะมักหาของเล่นที่ทำให้ลูกนั่งเฉยโดยไม่มางอแงยามที่พ่อกับแม่ทำงาน การเลี้ยงลูกด้วยมือถือนี้ไม่ได้เกิดกับชาวบ้านทั่วไปที่ต้องช่วยกันทำงานเท่านั้น กลุ่มคนที่มีเงินมากหมายก็ยังเป็นเหมือนกัน ซึ่งเรามักจะเห็นว่าเด็กที่ติดการเล่นมือถือนั้น มักจะเป็นเด็กที่ขี้หงุดหงิดง่าย เป็นโรคสมาธิสั้น และที่สำคัญมักจะไม่ค่อยฟังสิ่งที่พ่อแม่พูด
หากถูกขัดใจก็จะร้องงอแงโวยวาย หลายฝ่ายพยายามออกมาประชาสัมพันธ์ถึงข้อเสียของการเด็กติดมือถือให้ทราบแต่พ่อแม่ส่วนใหญ่ก็ยังไม่สนใจฟังหรือปฏิบัติตาม ปัจจุบันหากเราไปเดินดูตามโรงเรียนเอกชนต่างๆจะเห็นได้ว่าเด็กชั้นประถมศึกษาปีที่ 1ก็มีมือถือใช้กันแล้ว และยิ่งถ้าพ่อแม่มีเงิน โทรศัพท์มือถือที่เด็กใช้ก็เป็นรุ่นที่ขายกันราคาเป็นหมื่นเลยก็มี
ซึ่งเด็กส่วนมากเมื่อเห็นเพื่อนมีมือถือ ตัวเองก็อยากมีบ้าง และเมื่อลูกมาอ้อนขอส่วนใหญ่พ่อแม่ก็มักจะตามใจซื้อมือถือให้ลูกใช้งาน จนตอนนี้กลายเป็นสังคมของเด็กก็ขาดโทรศัพท์มือถือไม่ได้แล้ว ต้องมีใช้งานกันทุกคน